ปี พ.ศ. 2499 เมื่อจดทะเบียนเป็นหมู่บ้านแล้ว หลวงปู่ทั้งสอง (หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร และหลวงปู่ดบุดดา ถาวโร) ก็จาริกกลับไปแล้ว ชาวบ้านก็ได้นิมนต์พระจากวัดสว่างมาทำบุญ
ขณะนั้นก็ยังไม่มีศาลา ก็ต้องเข้าไปทำบุญในถ้ำ ชาวบ้านก็ได้เรียนหนังสือ โดยเรียนในถ้ำมีครูหยุน เจริญทัพ อยู่บ้านหนองสีนวล มาสอนโดยการเดินเท้ามาสอนนักเรียน วันหนึ่งหลวงปู่สุข มาอยู่ได้ร่วมกันกับชาวบ้านปั้นพระพุทธรูปในถ้ำองค์แรกแล้วทำศาลามุงแฝกข้างล่าง เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำบุญ เรียนหนังสื่อ เมื่อมีพระพุทธรูปแล้ว มีศาลาแล้ว จึงได้ให้ลุงแพง แสงสีนิล ซึ่งตอนนั้นเป็นทหารผ่านศึกอยู่ได้ไปขออนุญาตทางอำเภอตั้งวัด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 หลังจากนั้นมานานชาวบ้านก็ได้ร่วมกันบริจาคไม้บางส่วนของบ้านตนองช่วยกันสร้างศาลาได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2513 จึงได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา อย่างเป็นทางการ
ขณะนั้นก็ยังไม่มีศาลา ก็ต้องเข้าไปทำบุญในถ้ำ ชาวบ้านก็ได้เรียนหนังสือ โดยเรียนในถ้ำมีครูหยุน เจริญทัพ อยู่บ้านหนองสีนวล มาสอนโดยการเดินเท้ามาสอนนักเรียน วันหนึ่งหลวงปู่สุข มาอยู่ได้ร่วมกันกับชาวบ้านปั้นพระพุทธรูปในถ้ำองค์แรกแล้วทำศาลามุงแฝกข้างล่าง เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำบุญ เรียนหนังสื่อ เมื่อมีพระพุทธรูปแล้ว มีศาลาแล้ว จึงได้ให้ลุงแพง แสงสีนิล ซึ่งตอนนั้นเป็นทหารผ่านศึกอยู่ได้ไปขออนุญาตทางอำเภอตั้งวัด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 หลังจากนั้นมานานชาวบ้านก็ได้ร่วมกันบริจาคไม้บางส่วนของบ้านตนองช่วยกันสร้างศาลาได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2513 จึงได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา อย่างเป็นทางการ