tag:blogger.com,1999:blog-2738820259085615882024-03-06T07:11:56.621+07:00วัดเขาภูคาจุฬามณีโดย พระอธิการสุชาติ อุชุโกwatkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.comBlogger22125tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-79608941396643939342008-10-22T17:40:00.005+07:002008-10-22T17:59:47.843+07:00นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8odKuwFaWtDtJtPYl83c9LW9VTTA599D8Hmmc9lFhaA1JNGPrwUblHv19rda5SW-cddrgFfkqrRRUMirYiBVdYRAz-GwZ_38mKTgHLtYhO8mm5gRlDj63zfcdsSgJcl79byhkEQvcifY/s1600-h/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5259930107944109602" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 197px; CURSOR: hand; HEIGHT: 170px" height="200" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8odKuwFaWtDtJtPYl83c9LW9VTTA599D8Hmmc9lFhaA1JNGPrwUblHv19rda5SW-cddrgFfkqrRRUMirYiBVdYRAz-GwZ_38mKTgHLtYhO8mm5gRlDj63zfcdsSgJcl79byhkEQvcifY/s400/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87.jpg" width="209" border="0" /></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRYzz-F7rxeuzFufZgN5IQ4sdoxqsJpFSVA-cWyZaiwqdCVzyJh3DzbIUU1RbcvLfgtJRpjDKr2NEscRU7ANl0Y3ZMrVuir5JkXRko9UnrBOrKLMdeGVPtCL32XDXYyHEIwH18UoPnpkc/s1600-h/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A8.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5259928767709329762" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 190px; CURSOR: hand; HEIGHT: 170px" height="188" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRYzz-F7rxeuzFufZgN5IQ4sdoxqsJpFSVA-cWyZaiwqdCVzyJh3DzbIUU1RbcvLfgtJRpjDKr2NEscRU7ANl0Y3ZMrVuir5JkXRko9UnrBOrKLMdeGVPtCL32XDXYyHEIwH18UoPnpkc/s400/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A8.jpg" width="198" border="0" /></a><br /><div><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;"></span></div><br /><div><span style="color:#ffff66;">นางนพมาศ</span> เป็นธิดาของพระศรีมโหสถกับนางเรวดี บิดาเป็นพราหมณ์ปุโรหิตในสมัยพระยาเลอไท นางนพมาศมีรูปสมบัติและคุณสมบัติที่งดงาม ได้รับการอบรมจากบิดา มีความรู้ทางอักษรศาสตร์ พุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ การช่างของสตรี ตลอดจนการขับร้องดนตรี ถวายตัวเป็นสนมทำหน้าที่ขับร้องถวาย นางนพมาศ ได้ถวายตัวเข้ารับราชการในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท ในยุคสุโขทัย เป็นที่โปรดปรานจนได้เป็นสนมเอกตำแหน่ง <span style="color:#ffff66;">”ท้าวศรีจุฬาลักษณ์”</span><br /><span id="fullpost"><br /><br />นางนพมาศ ได้เขียนหนังสือ<span style="color:#ffff66;">”ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์”</span> ขึ้นเพื่อเป็นหลักประพฤติปฏิบัติตนในการเข้ารับราชการของนางสนมกำนัลทั้งหลาย<br /><br />ตัวอย่าง บางตอนจากตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์<br /><br />1. ข้อปฏิบัติของข้าราชการฝ่ายใน "อย่าทำรีๆ ขวางๆ ให้เขาว่า อย่าทำเซ่อๆ ซ่าๆ ให้ท่านหัว อย่าประพฤติตัวเก้อๆ ขวยๆ ให้คนล้อ อย่าทำลับๆ ล่อๆ ให้เขาถาก อย่างทำโปกๆ ปากๆ ให้ท่านว่ากิริยาชั่ว จงแต่งตัวให้งามต้องตาคน จะประพฤติตนให้ต้องใจท่านทั้งหลาย จงฝากตัวมูลนายให้กรุณา จงระวังเวลาราชการ….."<br />2. การประดิษฐ์ โคมในพระราชพิธีจองเปรียง "ข้าพระองค์สำคัญใจคิดเห็นว่า เป็นนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือนสิบสอง พระจันทร์แจ่มแสงปราศจากเมฆมลทิน อันว่าดวงดอกชาติโกสุมประทุมมาลย์ มีแต่จะเบ่งบานกลีบรับแสงอาทิตย์ ถ้าชาติอุบลเหล่าใดบานผกาเกสรรับแสงพระจันทร์แล้วก็ได้ชื่อว่า ดอกกระมุท ข้าพระองค์จึงทำโคมลอยเป็นรูปดอกกระมุทซึ่งบังเกิดมีอยู่ยังนัมมทานทีอันเป็นที่พระบวรพุทธบาทประดิษฐาน"<br /><br /><span style="font-size:85%;">ที่มา วรรณคดีสมัยสุโขทัย ของ เอกรัตน์ อุดมพร</span><br /><br />เรื่องนี้แต่งด้วยร้อยแก้ว แต่มีคำประพันธ์ลักษณะเป็นกลอนดอกสร้อยแทรกอยู่บ้าง ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นใหม่ในมัยรัตนโกสินทร์ เพราะภาษาที่ใช้แตกต่างจากภาษาที่ใช้ในวรรณคดีที่แต่งในยุคเดียวกันคือ คือศิลาจารึกหลักที่ 1 และ ไตรภูมิพระร่วง เนื้อเรื่องในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ กล่าวถึงประเพณีต่างๆ ของไทย เช่น การประดิษฐ์พานหมากสองชั้นรับแขกเมือง การประดิษฐ์โคมลอยรูปดอกกระมุท (ดอกบัว) เพื่อใช้ในพระราชพิธีจองเปรียงลอยพระประทีป (ลอยกระทง) ซึ่งประเพณีนี้ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า <span style="color:#ffff66;">"หนังสือนางนพมาศ"</span><br /><br />นางนพมาศได้ทำคุณงามความดีเป็นที่โปรดปรานของพระร่วง มีอยู่ 3 ครั้ง ดังนี้<br /><br /><span style="color:#ffff66;">ครั้งที่1</span> เข้าไปถวายตัวอยู่ในวังได้ห้าวันก็ถึงพระราชพิธีองเปรียงลอยพระประทีป(ลอยกระทง)นางได้คิดประดิษฐ์โคมลอยรูปดอกกระมุท (ดอกบัว) มีนกเกาะดอกไม้สีสวยๆ ต่างๆ กัน เป็นที่โปรดปรานของพระร่วงมาก<br /><span style="color:#ffff66;">ครั้งที่2</span> ในเดือนห้ามีพิธีคเชนทร์ศวสนาน เป็นพิธีชุมนุมข้าราชการทุกหัวเมือง มีเจ้าประเทศราชขึ้นเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการด้วย ในพิธีนี้พระเจ้าแผ่นดินทรงรับแขกด้วยเครื่องหมากพลู นางนพมาศได้คิดประดิษฐ์พานหมากสองชั้นร้อยกรองด้วยดอกไม้งดงาม พระร่วงทรงโปรดปรานและรับสั่งว่า ต่อไปผู้ใดจะทำการมงคลก็ดี รับแขกก็ดี ให้ใช้พานหมากรูปดังนางนพมาศประดิษฐ์ขึ้น ซี่งเป็นต้นเหตุของพานขันหมากเวลาแต่งงาน ซึ่งยังคงใช้จนถึงปัจจุบัน<br /><span style="color:#ffff66;">ครั้งที่3</span> นางได้ประดิษฐ์พนมดอกไม้ถวายพระร่วงเจ้าเพื่อใช้บูชาพระรัตนตรัย พระร่วงทรงพอพระทัยในความคิดนั้น ตรัสว่าแต่นี้ต่อไปเวลามีพิธีเข้าพรรษาจะต้องบูชาด้วยพนมดอกไม้กอบัวนี้ นางนพมาศเป็นบุคคลที่ได้สมญาว่า <span style="color:#ffff66;">"กวีหญิงคนแรกของไทย"</span> ดังเช่นที่เขียนไว้ว่า "ทั้งเป็นสตรี สติปัญญาก็น้อยกว่าบุรุษ แล้วก็ยังอ่อนหย่อนอายุ กำลังจะรักรูปและแต่งกาย ซึ่งอุตสาหะพากเพียร กล่าวเป็นทำเนียบไว้ ทั้งนี้เพื่อหวังจะให้สตรีอันมีประเภทเสมอด้วยตน พึงให้ทราบว่าข้าน้อยนพมาศ กระทำราชกิจในสมเด็จพระร่วยงเจ้ากรุงมหานครสุโขทัย ตั้งจิตคิดสิ่งซึ่งเป็นการควรกับเหตุ ถูกต้องพระราชอัชฌาสัยพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ปรากฎชื่อแสียงว่าเป็นสตรีนักปราชญ์ ฉลาดในวิชาช่างอยู่ชั่วกัลปาวสาน "<br /><br /><span style="color:#ffff66;">นี่คือนางนพมาศ สนมเอกของสมเด็จพระร่วงเจ้า </span><br /><br /><br /></div></span></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-36979674945882188632008-10-22T13:27:00.021+07:002008-10-22T19:05:37.010+07:00ลอยกระทง ประเพณีลอยกระทง<div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-2PRvHg6DimYGYSRtCRAUo2pt-hUhPVkYjYQdSGrCtRTITDjxtgn7mhxddRuof9bndBMg6GjcgoCU8shrZAl7dVt1GIlX2sgI6a1O9EosQ7d9unS_a38Y2Tneu4wQC9FbP6ggvWJMX8E/s1600-h/%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%871.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5259866465063004210" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 184px; CURSOR: hand; HEIGHT: 179px" height="263" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-2PRvHg6DimYGYSRtCRAUo2pt-hUhPVkYjYQdSGrCtRTITDjxtgn7mhxddRuof9bndBMg6GjcgoCU8shrZAl7dVt1GIlX2sgI6a1O9EosQ7d9unS_a38Y2Tneu4wQC9FbP6ggvWJMX8E/s400/%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%871.jpg" width="210" border="0" /></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7sFkp8oKRWZhrBjrwlDo_DrTsz6cva28DMjw0TO4G7bJ0ArzaAxtwB3dHsSHDDwZaYsa98nY2udX18365ENGF9P2MwfhnaqM3RmXm8px2bP3XHBJ-TX34mU6GmRP5dCr76l_-3Fwq3Nc/s1600-h/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5259866617869665970" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 199px; CURSOR: hand; HEIGHT: 179px" height="192" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7sFkp8oKRWZhrBjrwlDo_DrTsz6cva28DMjw0TO4G7bJ0ArzaAxtwB3dHsSHDDwZaYsa98nY2udX18365ENGF9P2MwfhnaqM3RmXm8px2bP3XHBJ-TX34mU6GmRP5dCr76l_-3Fwq3Nc/s400/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87.jpg" width="211" border="0" /></a><br /></div><div align="justify"><br /><br /></div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2yAYHQeERRUzc_Qbo9B-hCgM1cMw9oZXNv8snEu5SUwhSrGFiSPDj6uqB9fWx9ux90lhtUGA4F6q291hsGYe_PxG5-Cl4RcBycmgqNuaumsJskorjobb87uGzX1j5eZy0iCSF6t-sV48/s1600-h/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87.jpg"></a><div align="justify"><br /><br /><br /></div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgAHdq9gIZHBzH6ro5IL-cClZ_cGbUEqggWCfaPRC5zdtM0Ajb9MjABz_qUrPr_lSDsC5K3c1qBa2uWmRQLRLyqbWXYMzlEDJOf3N0CZEW9jSapWN6tvJgHda66_0x7BxPY3GeO1jxsaXE/s1600-h/%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%871.jpg"></a><div align="justify"><br /><br /><br /><br /></div><div align="justify"><strong></strong></div><div align="justify"><strong></strong></div><div align="justify"><strong></strong></div><div align="justify"><strong><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7sFkp8oKRWZhrBjrwlDo_DrTsz6cva28DMjw0TO4G7bJ0ArzaAxtwB3dHsSHDDwZaYsa98nY2udX18365ENGF9P2MwfhnaqM3RmXm8px2bP3XHBJ-TX34mU6GmRP5dCr76l_-3Fwq3Nc/s1600-h/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87.jpg"></a></strong></div><div align="justify"><strong></strong></div><div align="justify"><strong></strong></div><div align="justify"><strong></strong></div><div align="justify"><strong></strong></div><div align="justify"></div><div align="justify"></div><p><br /><br />วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทยส่วนใหญ่ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12ตามปฏิทินจันทรคติไทย หรือเดือนยี่(เดือนที่ 2) ตามปฏิทินจัทรคติล้านนา"มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตาม ปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อ <span style="color:#ffff66;">พระแม่คงคา</span> บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอย<span style="color:#ffff66;">พระพุทธบาท</span>ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับ<span style="color:#ffff66;">ประเทศไทย</span><br /><span id="fullpost"><br />การลอยกระทงในเมืองไทย มีมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย เรียกว่า <span style="color:#ffff66;">"การลอยพระประทีป" หรือ "ลอยโคม"</span>หรือ ลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ต่อมานางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม การลอยกระทงหรือลอยโคมในสมัยนางนพมาศ กระทำเพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่า แม่น้ำเนรพุททา<br /><br /><br /><span style="color:#ffff66;">การลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท</span><br />รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่ไปปรากฏอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที มีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ คือ ครั้งหนึ่งพญานาคทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับ พญานาคทูลขออนุสาวรีย์ไว้กราบไหว้บูชา พระพุทธองค์จึงทรงประดิษฐานรอบพระพุทธบาทไว้ที่หาดทราย ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที เพื่อให้บรรดานาคทั้งหลายได้สักการะ บูชา<br />การลอยกระทงที่มีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ยังมีอีก 2 เรื่อง คือ<br />1. การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ และ<br />2. การลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธองค์ในวันที่เสด็จกลับจากเทวโลก<br /><br /><br /><span style="color:#ffff66;">ตำนานการลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี</span><br />เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จออกจากพระนครกบิลพัสดุ์ในเวลากลางคืนด้วยม้ากัณฐกะ พร้อมนายฉันทะมหาดเล็กผู้ตามเสด็จ ครั้นรุ่งอรุณก็ถึงฝั่งแม่น้ำอโนมานที เจ้าชายทรงขับม้ากัณฐกะกระโจนข้ามแม่น้ำไปโดยสวัสดี<br />เมื่อทรงทราบว่าพ้นเขตกรุงกบิลพัสดุ์แล้ว เจ้าชายสิทธัตถะจึงเสด็จลงประทับเหนือหาดทรายขาวสะอาด ตรัสให้นายฉันทะนำเครื่องประดับและม้ากัณฐกะกลับพระนคร ทรงตั้งพระทัยปรารภจะบรรพชา โดยเปล่งวาจา "สาธุ โข ปพฺพชฺชา" แล้ว จึงทรงจับพระเมาลีด้วยพระหัตถ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ตัดพระเมาลี แล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ พระอินทร์ได้นำผอบทองมารองรับพระเมาลีไว้ และนำไปบรรจุยังพระจุฬามณีเจดียสถานในเทวโลก<br />พระจุฬามณีตามปกติมีเทวดาเหาะมาบูชาเป็นประจำแม้พระศรีอริยเมตไตรยเทวโพธิสัตว์ซึ่งในอนาคต จะมาจุติบนโลกและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งก็ยังเสด็จมาไหว้ การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี จึงถือเป็นการไหว้บูชาพระศรีอริยไตรยด้วย<br /><br /><br /><span style="color:#ffff66;">ตำนานการลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากเทวโลก</span><br />เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชจนได้บรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หลังจากเผยพระธรรมคำสั่งสอนแก่สาธุชนโดยทั่วไปได้ระยะหนึ่ง จึงเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา ครั้งจำพรรษาจนครบ 3 เดือน พระองค์จึงเสด็จกลับลงสู่โลกมนุษย์ เมื่อท้าวสักกเทวราชทราบพุทธประสงค์ จึงเนรมิตบันไดทิพย์ขึ้น อันมี บันไดทอง บันไดเงิน และบันไดแก้ว ทอดลงสู่ประตูเมืองสังกัสสนคร บันไดแก้วนั้นเป็นที่ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลง บันไดทองเป็นที่สำหรับเทพยดาทั้งหลายตามส่งเสด็จ บันไดเงินสำหรับพรหมทั้งหลายส่งเสด็จ<br />ในการเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ครั้งนี้ เหล่าทวยเทพและประชาชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันทำ การสักการบูชาด้วยทิพย์บุปผามาลัย การลอยกระทงตามคตินี้ จึงเป็นการรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากดาวดึงส์พิภพ (เป็นตำนานเดียวกับประเพณีการตักบาตรเทโวรับเสด็จพระพุทธองค์ลงจากดาวดึงส์<br /><br /><br /><span style="color:#ffff66;">การลอยกระทง เพื่อบูชาพระนารายณ์บรรทมสินธุ์<br /></span>ยังมีพิธีการลอยกระทงตามคติพราหมณ์อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งกระทำเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้า คือ พระนารายณ์ที่บรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร นิยมทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 หรือ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เป็น 2 ระยะ จะทำในกำหนดใดก็ได้<br /><br /><br /><span style="color:#ffff66;">ตำนานการลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม</span><br />นิทานต้นเหตุเกี่ยวกับอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นนิทานชาวบ้าน กล่าวถึงเมื่อครั้งดึกดำบรรพ์ มีกาเผือกสองตัวผัวเมียทำรังอยู่บนต้นไม้ในป่าหิมพานต์ใกล้ฝั่งแม่น้ำ วันหนึ่งกาตัวผู้ออกไปกากินแล้วหลงทานกลับรังไม่ได้ ปล่อยให้นางกาตัวเมียซึ่งกกไข่อยู่ 5 ฟองรอด้วยความกระวนกระวายใจ จนมีพายุใหญ่พัดรังกระจัดกระจาย ฟองไข่ตกลงน้ำ แม่กาถูกลมพัดไปทางหนึ่ง </p><p>เมื่อแม่กาย้อนกลับมามีรังไม่พบฟองไข่ จึงร้องไห้จนขาดใจตาย ไปเกิดเป็นท้าวพกาพรหมอยู่ในพรหมโลก ฟองไข่ทั้ง 5 นั้นลอยน้ำไปในสถานที่ต่างๆ บรรดาแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โคและแม่ราชสีห์ มาพบเข้า จึงนำไปรักษาไว้ตัวละ 1 ฟอง ครั้งถึงกำหนดฟักกลับกลายเป็นมนุษย์ทั้งหมดไม่มีฟองไหนเกิดมาเป็นลูกกาตามชาติกำเนิดเลย กุมารทั้ง 5 ต่างเห็นโทษภัยในการเป็นฆราวาสและเห็นอานิสงส์ในการบรรพชา จึงลามารดาเลี้ยงไปบวชเป็นฤาษีทั้ง 5 ได้มีโอกาสพบปะกันและถามถึงนามวงศ์และมารดาของกันและกัน จึงทราบว่าเป็นพี่น้องกัน ฤาษีทั้ง 5 มีนามดังนี้<br /><br />คนแรก ชื่อ กกุสันโธ (วงศ์ไก่)<br />คนที่สอง ชื่อ โกนาคมโน (วงศ์นาค)<br />คนที่สาม ชื่อ กัสสโป (วงศ์เต่า)<br />คนที่สี่ ชื่อ โคตโม (วงศ์โค)<br />คนที่ห้า ชื่อ เมตเตยโย (วงศ์ราชสีห์)<br />ต่างตั้งจิตอธิษฐาน ว่าถ้าต่อไปจะได้ไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ขอให้ร้อนไปถึงมารดา ด้วยแรงอธิษฐาน ท้าวพกาพรหมจึงเสด็จมาจากเทวโลก จำแลงองค์เป็นกาเผือก แล้วเล่าเรื่องราวแต่ทนหลังให้ฟัง พร้อมบอกว่าถ้าคิดถึงมารดา เมื่อถึงเพ็ญเดือน 11 เดือน 12 ให้เอาด้ายดิบผูกไม้ตีนกา ปักธูปเทียนบูชาลอยกระทงในแม่น้ำ ทำอย่างนี้เรียกว่าคิดถึงมารดา แล้วท้าวพกาพรหมก็ลากลับไป<br />ตั้งแต่นั้นมา จึงมีการลอยกระทงเพื่อบูชาท้าวพกาพรหม แล้วเพื่อบูชารอยพระบาท ซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ส่วนฤาษีทั้ง 5 ต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้<br /><br />ฤาษีองค์แรก กกุสันโธ ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกกุสันโธ<br />ฤาษีองค์ที่สอง โกนาคมโน ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระโกนาคมน์<br />ฤาษีองค์ที่สาม กัสสโป ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกัสสปะ<br />ฤาษีองค์ที่สี่ โคตโม ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสมณโคดม<br />ฤาษีองค์ที่ห้า เมตเตยโย ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย<br />พระพุทธเจ้า 3 พระองค์แรก ได้มาบังเกิดบนโลกแล้วในอดีตกาล พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 คือ พระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดบนโลกในอนาคต ได้แก่ พระศรีอาริยเมตไตรย </p><p><span style="color:#ffff66;">ตำนานการลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตต์</span> </p><p>การลอยกระทงเพื่อบุชาพระอุปคุตต์นี้ เป็นประเพณีของชาวเหนือและชาวพม่า พระอุปคุตต์เป็นพระอรหันต์เถระหลังสมัยพุทธกาล โดยมีตำนานความเป็นมาดังนี้เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้โปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์และพุทธวิหารขึ้นทั่วชมพูทวีป มหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ "อโศการาม" ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแคว้นมคธ หลังจากที่สร้างพระสถูปเจดีย์ถึง 84,000 องค์สำเร็จแล้ว พระเจ้าอโศกทรงมีพระราชประสงค์จะนำพระบรมสารีริกธาตุของสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปบรรจุในในพระสถูปต่างๆ และบรรจุในพระมหาสถูปองค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่มีความสูงประมาณครึ่งโยชน์ และประดับประดาด้วยแก้วต่างๆ ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาให้ปาฎลีบุตร อีกทั้งต้องการให้มีการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่เป็นเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วันแต่ด้วยเกรงว่าพญามารจะมาทำลายพิธีฉลอง มีเพียงพระอุปคุตต์ที่ไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลเพียงท่านเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถปราบพญามารได้ เมื่อพระอุปคุตต์ปราบพญามารจนสำนึกตัวหันมายึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว พระอุปคุตต์จึงลงไปจำศีลอยู่ในสะดือทะเลตามเดิมพระอุปคุตต์นี้ไทยเรียกว่า พระบัวเข็ม ชาวไทยเหนือหรือชาวอีสานและชาวพม่านับถือพระอุปคุตต์มาก ชาวพม่าไม่ว่าจะมีงานอะไรเป็นต้องนิมนต์มาเช้าพิธีด้วยเสมอ ไทยเราใช้บูชาในพิธีขอฝนหรือพิธีมงคลฯลฯ<br /><br /><span style="color:#ffff66;">การลอยกระทงของชาวเหนือ (ยี่เป็ง) </span>การลอยกระทงของชาวเหนือ นิยมทำกันในเดือนยี่เป็ง (คือเดือนยี่หรือเดือนสอง เพราะนับวันเร็วกว่าของเรา 2 เดือน) เพื่อบูชาพระอุปคุตต์ซึ่งเชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก หรือสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า<br /></p><p><span style="color:#ffff66;">การลอยกระทงของชาวอีสาน (ไหลเรือไฟ) </span>การลอยกระทงในภาคอีสาน เรียกว่าเทศกาลไหลเรือไฟจัดเป็นประเพณียิ่งใหญ่ในจังหวัดนครพนม โดยการนำหยวกกล้วยหรือวัสดุต่างๆ มาตกแต่งเป็นรูปพญานาคและรูปอื่นๆ ตอนกลางคืนจุดไฟปล่อยให้ไหลไปตามลำน้ำโขงดูสวยงามตระการตานอกจากนี้ยังมีประเพณีลอยกระทงในประเทศต่างๆ เช่นที่เขมร จีน อินเดีย โดยมีคติความเชื่อและประวัติความเป็นมาตรงกันบ้างแตกต่างกันไป<br /><br /></p><p><span style="color:#ffff66;">การลอยกระทงในปัจจุบัน</span> การลอยกระทงในปัจจุบัน ยังคงรักษารูปแบบเดิมเอาไว้ได้ตามสมควร เมื่อถึงวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 12 ชาวบ้านจะจัดเตรียมทำกระทงจากวัสดุที่หาง่ายตามธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วยและดอกบัว นำมาประดิษฐ์เป็นกระทงสวยงาม ปักธูปเทียนและดอกไม้เครื่องสักการบูชา ก่อนทำการลอยในแม่น้ำก็จะอธิษฐานในสิ่งที่มุ่งหวัง พร้อมขอขมาต่อพระแม่คงคาตามคุ้มวัดหรือสถานที่จัดงานหลายแห่ง มีการประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ และมีมหรสพสมโภชในตอนกลางคืน นอกจากนั้นยังมีการจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ซึ่งในการเล่นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษวัสดุที่นำมาใช้กระทง ควรเป็นของที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ<br /><br /><span style="color:#ffff66;">สรุปเหตุผลในการลอยกระทง</span></p><p>1. เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทและบูชาเทพเจ้า ตามคติความเชื่อ</p><p>2. เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้ มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา</p><p>3. เพื่อรู้ถึงคุณค่าของน้ำหรือแม่น้ำลำคลอง อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรง</p><p> </p><p><span style="font-size:85%;"> ที่มา </span><a href="http://www.banfun.com/"><span style="font-size:85%;">http://www.banfun.com</span></a></span><br /><br /><br /><br /></p>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-46179760235531139662008-10-17T14:44:00.000+07:002008-10-17T14:57:03.026+07:00ขอเชิญร่วมงานประเพณีทอดกฐิน ประจำปี 2551 วัดเขาภูคาจุฬาณี วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2551<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPm21w3fKDaZIhgkQA7q2U6ordj-tfghyphenhyphenGWBTUgSYRn1VCf0o8GkHj8UKtaXcigJQq2xHn9TKlpMh1PjnSZsVUNoPIhl568dqZ-tV6sG_SkyBd_bFmzwtoRewx99gKe3J8rxbZwLJaALA/s1600-h/news128.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5258028730832980738" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPm21w3fKDaZIhgkQA7q2U6ordj-tfghyphenhyphenGWBTUgSYRn1VCf0o8GkHj8UKtaXcigJQq2xHn9TKlpMh1PjnSZsVUNoPIhl568dqZ-tV6sG_SkyBd_bFmzwtoRewx99gKe3J8rxbZwLJaALA/s400/news128.jpg" border="0" /></a><br /><div>สอบถามโทร. 087-571-1290 วัดเขาภูคา จุฬามณี <span id="fullpost"><br />ส่วนที่เหลือ<br /></span></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-90832401992650102912008-10-16T16:08:00.001+07:002008-10-16T16:13:42.344+07:00สถานีวิทยุกระจายเสียงสังฆทานธรรม ประจำจังหวัดนครสวรรค์ FM 91.40 MHz. วัดเขาภูคาจุฬามณี<div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhY4epBBx2FEieWFPHcNfaDifRkGCgt6JmveFF0cqxHnBwid4pHONOl5-7of8M2Secfwqr8bqfzmPjSHvnVSKwNSwgl1NunLTScn4qc-4J64dqBr5U7E79UnKEmDeqqrR0sCoMh2D7fVpk/s1600-h/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5257676398930705074" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhY4epBBx2FEieWFPHcNfaDifRkGCgt6JmveFF0cqxHnBwid4pHONOl5-7of8M2Secfwqr8bqfzmPjSHvnVSKwNSwgl1NunLTScn4qc-4J64dqBr5U7E79UnKEmDeqqrR0sCoMh2D7fVpk/s400/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93.jpg" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;">วัตถุประสงค์การก่อตั้งสถานีวิทยุสังฆทานธรรม</span><br /><br /><ol><li><span style="font-size:130%;">เผยแพร่หลักธรรม คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน </span></li><li><span style="font-size:130%;">อนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และประเพณีอันดีงามของชาติ </span></li><li><span style="font-size:130%;">ปลูกฝังให้ประชาชนทีทัศนคติ ค่านิยมที่เป็นธรรม ดีงาม สร้างสรรค์ รักและรับผิดชอบต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รู้ในพระคุณของแผ่นดินและบรรพบุรุษ</span></li><li><span style="font-size:130%;">ส่งเสริมนโยบาย และประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติทั้งทางด้านการศึกษา การปกครอง การเศรษฐกิจ และสังคม </span></li><li><span style="font-size:130%;">ส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามัคคีร่วมมือร่วมใจ ร่วมแก้ไขปัญหา และพัฒนาชุมชน </span></li><li><span style="font-size:130%;">เป็นสื่อกลางประชาสัมพันธ์และกระจายข่าวสารจากรัฐบาลไปสู่ประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีที่ถูกต้องรวดเร็ว </span></li><li><span style="font-size:130%;">สนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นส่งเสริมหลักการศึกษาที่มุ่งเน้น “คุณธรรมนำความรู้” เพื่อพัฒนาทักษะคุณภาพชีวิตทั้งด้านการอาชีพและการอนามัยโดยเสมอภาค</span></li><li><span style="font-size:130%;">เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของท้องถิ่นที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม </span></li><li><span style="font-size:130%;">ดำเนินงานเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่มุ่งหวังกำไรในเชิงธุรกิจ<br /></span></li><li><span style="font-size:130%;">เป็นการปลูกฝังเยาวชนของชาติให้มี ความเข้าใจ และทัศนคติที่ดีต่อพระพุทธศาสนา สามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวันได้<br /></span><span id="fullpost"><br /><br /></li></ol></span></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-23715043021153617602008-10-15T13:41:00.000+07:002008-10-15T14:11:03.605+07:00ติดต่อวัด<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMhp57UKMRD_3Og3ddmpGr9cIoyPjx-dWYlooFgMGMsjpafE934hacbjI2pwCx4T8fqUblYycGLoO-GSr_rp-TbuGIDl-wccVQ7e8K1oAvvFM430H1RzhCWDQXzuw5wGLY6UlAX6bzeqU/s1600-h/logo.JPG"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5257273816605686882" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMhp57UKMRD_3Og3ddmpGr9cIoyPjx-dWYlooFgMGMsjpafE934hacbjI2pwCx4T8fqUblYycGLoO-GSr_rp-TbuGIDl-wccVQ7e8K1oAvvFM430H1RzhCWDQXzuw5wGLY6UlAX6bzeqU/s400/logo.JPG" border="0" /></a>วัดเขาภูคา ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 2 ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ 60140<br />วัดเขาภูคา โดยพระอาจารย์ สุชาติ อุชุโก มีความเมตตาจัดที่พักในการปฏิบัติธรรม ให้แก่ญาติโยมผู้ต้องการจะมาปฏิบัติธรรมที่วัดในระยะสั้น เนื่องจากวัดเขาภูคาเป็นสถานที่สงบจึงรับได้ครั้งละไม่มากควรโทรแจ้งไว้ก่อน วัดเขาภูคาตั้งบนบริเวณเดียวกับภูเขา ผู้ต้องการความสงบสันโดษต้องการปักกลด พักเต๊นท์ก็สามารถเตรียมมาได้ ระยะทางในการเดินทางก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถไปกลับได้ในวันเดียว สอบถามข้อมูลได้ที่ วัดเขาภูคา ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โทร.087-571-1290<br /><span style="color:#ffffcc;"><span style="color:#99ff99;">คลังภาพ-วัดเขาภูคา</span> </span><a href="http://watkhaophukadhamma.blogspot.com/">http://watkhaophukadhamma.blogspot.com/</a><br /><span id="fullpost"><br /><br /></span><span id="fullpost"></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-59780664419747914292008-10-11T19:48:00.001+07:002008-10-25T17:47:21.605+07:00พระอธิการสุชาติ อุชุโก<div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgj4k5nA24-SXcqtk3kYj_s8Ge-ncBOPBW9k8uknrdYQS9KwPJ6f1AndLZ9K1xrd5S_w-1QKJpnwJXp6UKpM-4Do8qgedM2fewdk1u116cYS1mFyHWbvhbago55ye1-Lrrw8uuIRhv8gHY/s1600-h/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255877625875037362" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgj4k5nA24-SXcqtk3kYj_s8Ge-ncBOPBW9k8uknrdYQS9KwPJ6f1AndLZ9K1xrd5S_w-1QKJpnwJXp6UKpM-4Do8qgedM2fewdk1u116cYS1mFyHWbvhbago55ye1-Lrrw8uuIRhv8gHY/s400/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98.jpg" border="0" /></a><br /></div><div align="justify">พระอธิการสุชาติ อุชุโก ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส องค์ปัจจุบัน<br /><span id="fullpost"><br />วัดเขาภูคา โดยพระอาจารย์ สุชาติ มีความเมตตาจัดที่พักในการปฏิบัติธรรม ให้แก่ญาติโยมผู้ต้องการจะมาปฏิบัติธรรมที่วัดในระยะสั้น เนื่องจากวัดเขาภูคาเป็นสถานที่สงบจึงรับได้ครั้งละไม่มาก วัดเขาภูคาตั้งบนบริเวณเดียวกับภูเขา ผู้ต้องการความสงบสันโดษต้องการปักกลด พักเต๊นท์ก็สามารถเตรียมมาได้ ระยะทางในการเดินทางก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถไปกลับได้ในวันเดียว สอบถามข้อมูลได้ที่ วัดเขาภูคา ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โทร.087-571-1290</div></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-80154120922875395862008-10-11T19:47:00.002+07:002008-10-25T17:47:56.332+07:00พระอาจารย์สามารถ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgj4k5nA24-SXcqtk3kYj_s8Ge-ncBOPBW9k8uknrdYQS9KwPJ6f1AndLZ9K1xrd5S_w-1QKJpnwJXp6UKpM-4Do8qgedM2fewdk1u116cYS1mFyHWbvhbago55ye1-Lrrw8uuIRhv8gHY/s1600-h/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255877625875037362" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgj4k5nA24-SXcqtk3kYj_s8Ge-ncBOPBW9k8uknrdYQS9KwPJ6f1AndLZ9K1xrd5S_w-1QKJpnwJXp6UKpM-4Do8qgedM2fewdk1u116cYS1mFyHWbvhbago55ye1-Lrrw8uuIRhv8gHY/s400/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98.jpg" border="0" /></a><br /><div>อยู่ในระหว่างรอการลงบันทึกข้อมูล<br /><span id="fullpost"><br />ส่วนที่เหลือ<br /></span></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-6899580119064775702008-10-11T19:38:00.001+07:002008-10-25T17:48:34.359+07:00หลวงพ่อ พลอย เตชยโล<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgj4k5nA24-SXcqtk3kYj_s8Ge-ncBOPBW9k8uknrdYQS9KwPJ6f1AndLZ9K1xrd5S_w-1QKJpnwJXp6UKpM-4Do8qgedM2fewdk1u116cYS1mFyHWbvhbago55ye1-Lrrw8uuIRhv8gHY/s1600-h/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255877625875037362" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgj4k5nA24-SXcqtk3kYj_s8Ge-ncBOPBW9k8uknrdYQS9KwPJ6f1AndLZ9K1xrd5S_w-1QKJpnwJXp6UKpM-4Do8qgedM2fewdk1u116cYS1mFyHWbvhbago55ye1-Lrrw8uuIRhv8gHY/s400/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98.jpg" border="0" /></a><br /><div>อยู่ในระหว่างรอการลงบันทึกข้อมูล<br /><span id="fullpost"><br />ส่วนที่เหลือ<br /></span></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-12316871610440516472008-10-09T15:43:00.000+07:002008-10-09T15:47:00.232+07:00หลวงปู่บุดดาเล่าเหตุการณ์<div align="justify">หลวงปู่บุดดา เยี่ยมโยมศีลา โยมนวน โยมผู้ใหญ่สมศักดิ์ และได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลวงปู่ให้โยมทั้งสามคนฟังว่า<br /><span id="fullpost"><br />ก่อนบรรลุธรรมนั้นหลวงปู่ได้เห็นนิมิตกรรมเก่าว่าเคยได้ตกปลา เวลาที่จะบรรลุธรรมจริงๆนั้นได้มีตะขาบตัวหนึ่งมาไต่ที่หัวไหล่และขึ้นไปจะกัดที่ศีรษะของหลวงปู่ ขณะนั้นหลวงปู่สงฆ์ได้เห็นแจ้งในจิต เห็นตะขาบจะกัดหลวงปุ่บุดดา จึงส่งกระแสจิตเตือนตะขาบนั้นว่า “อย่าทำพระ อย่าทำพระ พระจะไปนิพพาน” แล้วตะขาบตัวนั้นก็ร่วงจากศีรษะหลวงปู่บุดดา เรื่องที่หลวงปู่เล่านั้นตรงกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่ได้เล่าไว้ในบันทึก ตอนที่หลวงปู่บรรลุธรรม ได้มีเสียงสนทนธรรมระหว่างหลวงปู่สงฆ์กับหลวงปู่บุดดา<br /></div></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-57030539491411855612008-10-09T15:27:00.000+07:002008-10-11T16:31:30.939+07:00ขอตั้งวัด พ.ศ 2506<div align="justify">ปี พ.ศ. 2499 เมื่อจดทะเบียนเป็นหมู่บ้านแล้ว หลวงปู่ทั้งสอง (หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร และหลวงปู่ดบุดดา ถาวโร) ก็จาริกกลับไปแล้ว ชาวบ้านก็ได้นิมนต์พระจากวัดสว่างมาทำบุญ<br /><span id="fullpost"><br />ขณะนั้นก็ยังไม่มีศาลา ก็ต้องเข้าไปทำบุญในถ้ำ ชาวบ้านก็ได้เรียนหนังสือ โดยเรียนในถ้ำมีครูหยุน เจริญทัพ อยู่บ้านหนองสีนวล มาสอนโดยการเดินเท้ามาสอนนักเรียน วันหนึ่งหลวงปู่สุข มาอยู่ได้ร่วมกันกับชาวบ้านปั้นพระพุทธรูปในถ้ำองค์แรกแล้วทำศาลามุงแฝกข้างล่าง เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำบุญ เรียนหนังสื่อ เมื่อมีพระพุทธรูปแล้ว มีศาลาแล้ว จึงได้ให้ลุงแพง แสงสีนิล ซึ่งตอนนั้นเป็นทหารผ่านศึกอยู่ได้ไปขออนุญาตทางอำเภอตั้งวัด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 หลังจากนั้นมานานชาวบ้านก็ได้ร่วมกันบริจาคไม้บางส่วนของบ้านตนองช่วยกันสร้างศาลาได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2513 จึงได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา อย่างเป็นทางการ<br /></div></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-77323081056497969142008-10-09T14:50:00.000+07:002008-10-11T16:33:11.608+07:00หลวงปู่สงฆ์ หลวงปู่บุดดามาธุดงค์<div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_sByguXDkaHENRUnSTfOi2936eUBhtcKQQ1fi5pa9736fpgbdzm7y9NBAlvnE30k5k70NcrWfawRYeE9hvHeMgnKNvHcHjWKRbQXl0LJX5P1pit9urNOznMy_pd237k1HNHojMFEQoWQ/s1600-h/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%84%E0%B8%B2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255067364477783906" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 208px; CURSOR: hand; HEIGHT: 181px" height="203" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_sByguXDkaHENRUnSTfOi2936eUBhtcKQQ1fi5pa9736fpgbdzm7y9NBAlvnE30k5k70NcrWfawRYeE9hvHeMgnKNvHcHjWKRbQXl0LJX5P1pit9urNOznMy_pd237k1HNHojMFEQoWQ/s400/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%84%E0%B8%B2.jpg" width="227" border="0" /></a><br />วันหนึ่งได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่ง(หลวงปู่สงฆ์) เดินทางมาถึง ณ ถ้ำแห่งนี้ ท่านได้เห็นว่าภูเขาลูกนี้มีถ้ำและป่าที่สงบ<br /><span id="fullpost"><br />สงบ มีบ้านชาวบ้านอยู่รอบๆก็น้อย ท่านว่าเหมาะที่จะเป็นที่ปฏิบัติภาวนาจึงเลือกจะอยู่ที่นี้ เมื่อตาเห็นพระธุดงค์มาอยู่ที่ถ้ำนี้ก็บอกชาวบ้านมากราบไหว้ ชาวบ้านพอรู้ว่ามีพระธุดงค์มาปฏิบัติภาวนาที่ถ้ำแห่งนี้ก็นำอาหารมาทำบุญตักบาตร นำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ เช่น ต้นจำปา(ต้นลั่นทม) ซึ่งอยู่หน้าถ้ำปัจจุบันก็มีชาวบ้านนำมาบูชาแล้วก็ปักไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่ามีพระปฏิบัติอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ตาศีลาได้ปวารณากับหลวงปู่เพื่อคอยดูแล และปฏิบัติตลอดที่หลวงปู่ปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำนี้ ภายในถ้ำหลวงปู่ได้เลือกชั้นที่ 2 เป็นที่นั่งวิปัสสนาตลอดทั้งวัน เมื่อตกตอนเย็นหลวงปู่จะออกมาเดินจงกลมบริเวณหน้าถ้ำ ตอนที่หลวงปู่เดินนั้นก็จะมีนกยูงมาลำแพนอยู่ตลอด<br />ต่อมาหลวงปู่บุดดา ถาวโร ก็ได้เดินธุดงค์ตามหาหลวงปู่สงฆ์ แล้วมาพบกันยังถ้าภูคาแห่งนี้ หลวงปู่บุดดาได้เลือกชั้นที่ 1 ภายในถ้ำเป็นที่นั่งวิปัสสนา เมื่อหลวงปู่ทั้งสอง รูปมาพบกันแล้วท่านก็ทำความเพียรตลอด วันพระท่านก็มาโปรดญาติโยมที่มาทำบุญในถ้ำ หลวงปู่อยู่ปฏิบัติภาวนาอยู่ที่ถ้ำภูคาประมาณ 2 ปี วันหนึ่ง ขณะที่หลวงปู่ทั้งสอง ทำความเพียรอยู่นั้น ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องอยู่บนเขาเหมือนกับเป็นเสียงตอบโต้กันไปมาอยู่พักใหญ่ แล้วก็เห็นแสงสว่างสาดส่องออกมายังปล่องถ้ำ จากนั้นเสียงนั้นก็เงียบหายไป แสงสว่างก็ไม่มี ณ วันนี้นี่เองชาวบ้านก็ยังหารู้ไม่ว่าเป็นวันที่หลวงปู่สำเร็จธรรมแล้ว หลวงปู่ทั้งสองก็จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำภูคาต่ออีกประมาณ 1 ปีเศษ ก็แยกย้ายกันไปจาริกธรรม<br />หลังจากที่หลวงปู่ทั้งสองได้ไปจากถ้ำภูคาแล้วก็มีพระปฏิบัติมาตามหาหลวงปู่เพื่อที่จะปฏิบัติธรรมด้วยหลายองค์ เช่น หลวงปู่แหวน , หลวงปู่ชา , หลวงพ่อพรม , หลวงพ่อลี , อาจารย์อ่อน , อาจารย์กุมมา พระที่เดินทางมาที่ถ้ำแห่งนี้ต่างก็บอกกับชาวบ้านที่นี้ว่า หลวงปู่ทั้งสองนั้นได้สำเร็จธรรม ณ ถ้ำนี้แล้ว<br /><br /></div></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-2610630998925928522008-10-09T14:47:00.000+07:002008-10-11T17:01:46.671+07:00ก่อตั้งบ้านเขาภูคา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixU81YKJfetwlA_g40BughBkqnpr8kLRf4JxjReMOW10TrY0tOrYhRgSMbujVjfqHV8A4o-eU4WW269BsKWSWEoN2_edEP9kuBM9naxWrKZutTznPZcF468TamQceJ1OaFsbfNuBW1HpE/s1600-h/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255834309633444722" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 211px; CURSOR: hand; HEIGHT: 169px" height="181" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixU81YKJfetwlA_g40BughBkqnpr8kLRf4JxjReMOW10TrY0tOrYhRgSMbujVjfqHV8A4o-eU4WW269BsKWSWEoN2_edEP9kuBM9naxWrKZutTznPZcF468TamQceJ1OaFsbfNuBW1HpE/s400/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2.jpg" width="211" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpxkAJ_WjDFb8jqv65S8SBG8KHQUUNT2SKmPZCYNOYXYOv_dV0TJbKy8XqNLkP-mBmSiiS_rl-BUctILnvMuNqJLbbVAYPTN_D1NaKGmMThtWnQdk3-0AVwxd9bykbJK87DtiEqmem-QE/s1600-h/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2.jpg"></a><br /><br /><div align="justify">ตาศีลา เกิดที่บ้านคามหาม จ. ร้อยเอ็ด เมื่ออายุได้ 13 ปี ได้บวชเป็นสามเณร ได้เดินเท้าตามพระรูปหนึ่งมายัง<br /><span id="fullpost"><br />จังหวัดลพบุรี ต่อมาพระและตาศีลาได้แยกทางกันและตาสีลาก็ได้สึก โดยต่อมาได้แต่งงาน อยู่กินกับยายมนฑา ที่บ้านหนองทรายขาว อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ประกอบอาชีพทำนา ด้วยความที่แม่ยายคือ นางชวดแบนมีลูกมากและลูกๆก็ได้แต่งงานออกเรือนไปก็ไม่มีที่ทำกิน จึงคิดที่จะหาที่ทำกินใหม่เพื่อตั้งหลักปักฐานใหม่ ดังนั้นนางชวดแบนจึงเรียกตาศีลาและลูกมาคุยกันว่าจะย้ายถิ่นฐานหาที่ทำกินใหม่ ตาศีลาจึงพาครอบครัวและญาติๆอพยพขึ้นมาทางเหนือ โดยขึ้นรถไฟมาลงที่สถานีบ้านหัวหวาย ตาได้เล่าให้ฟังว่า ครั้นมาถึงตาคลีก็คิดจะจับจองที่ดินแถวนี้ แต่เมือดูแล้วมีน้อยและเป็นป่าหนาม ป่ารัก ถ้าทำนามันคงไม่เจริญงอกงามแน่ จึงพักค้างคืนหนึ่งที่หัวหวายแล้วเดินต่อต่อมาเรื่อยๆจนได้พบกับภูเขาลูกนี้ สมัยนั้นบริเวณภูเขาลูกนี้ก็เป็นป่าไม้รวก , ป่าไผ่ , ป่าเบญจพรรณ มีสัตว์ป่าต่างมากมากมายไม่วาจะเป็น เสือ , ช้าง , นกยูง , ไก่ป่า ตาและญาติๆได้ช่วยกันถากถางแล้วปลูกกระท่อมอาศัยอยู่ชั่วคราว การอพยพมาครั้งแรกนี้มีแต่ครอบครัว ลูกๆหลานๆของนางชวดแบนรวม 23 หลังคา และเรียกหมู่บ้านใหม่ว่า “เขาภูคา” ซึ่งสอดคล้องกับบ้านเดิมของนางชวดแบน คือ บ้านพุคา ต. เขาพระงาม จ. ลพบุรี โดยมีตาสีลาเป็นหัวหน้า<br />จากนั้นก็ได้จับจองที่ดินกันจนสามารถที่จะทำไร่ ทำนาได้ ขณะนั้นตาศีลาทำไร่ ทำนาและทำงานอีเตอร์ (คนงานทำทางรถไฟ) ชาวบ้านบางคนก็ตัดฟืนหลาส่งให้กับการรถไฟ สภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านสมัยนั้นก็อยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยกันฟันไม้ เลื่อยไม้ มาทำที่อยู่อาศัยแบบถาวร อาหารก็หาของป่ามากิน การเดินก็ต้องเดินเท้า จะไปตลาดในแต่ละทีก็ต้องเดินเท้าไปที่สถานีรถไฟดงมะกู เพื่อขึ้นรถไฟไปลงที่ตลาดตาคลี จะไปหาญาติพี่น้องต่างหมู่บ้านก็ต้องใช้วิธีเดินเท้าไป ตาบอกว่านานๆถึงจะออกไปตลาด จะออกไปครั้งหนึ่งก็เมื่อมีงานบุญใหญ่ๆ เช่น เข้าพรรษา ออกพรรา ทำบุญสาด แต่ก่อนนั้นไม่มีวัดไม่มีพระ ถึงวันพระทีชาวบ้านก็พากันทำบุญที่วัดสว่างวงษ์ตาคลี<br />ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2499 ทางราชการประกาศให้บุคคลที่ไม่มีนามสกุล ให้ไปจดทะเบียนขอนามสกุลได้ ตาศีลาก็ได้ไปจดทะเบียนนามสกุล คือเอาชื่อพ่อของตาและชื่อแม่ของตามาตั้งเป็นนามสกุล คือพ่อชื่อ แสง แม่ชื่อ นิลจึงของจดทะเบียนนามสกุลว่า “แสงสีนิล” ทั้งนี้ตาก็ขอจดทะเบียนชื่อหมู่บ้านพร้อมเลย โดยแยกออกมาจากหมู่ 1 หัวหวาย มาเป็นชื่อหมู่บ้านเขาภูคา หมู่ 2 ต. หัวหวาย ด้วยความที่ตาเป็นคนโอบอ้อมอารีย์ ตาได้เดินทางกลับไปยังภาคอีสานบ้านเกิดของตาและได้ชวนเพื่อนและหลานๆของท่านมาอยู่ที่เขาภูคาด้วยกัน แล้วก็แบ่งที่ทำกินให้ รวมผู้ที่อพยพมาทั้งทางบ้านหมี่และภาคอีสานด้วย<br /><br /></div></span></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-68622390905040030582008-10-08T18:47:00.000+07:002008-10-11T16:25:08.051+07:00หลวงพ่อพลอยฝากวัด<div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijojuYmm7m-Ijt5l2VAntpq0DYWxRT6uoQi7Ngp8Jrfktt3aC101dsP7K4CJi07WXOWIZTi0xLIqBFxLr0NFd221tfd_6QzanEi74K-sjSV-gEuZr3wxMNPdQRRZxGbpjurvrLieDOHAs/s1600-h/2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD.bmp"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5254752945646474658" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 207px; CURSOR: hand; HEIGHT: 164px" height="155" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijojuYmm7m-Ijt5l2VAntpq0DYWxRT6uoQi7Ngp8Jrfktt3aC101dsP7K4CJi07WXOWIZTi0xLIqBFxLr0NFd221tfd_6QzanEi74K-sjSV-gEuZr3wxMNPdQRRZxGbpjurvrLieDOHAs/s400/2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD.bmp" width="176" border="0" /></a><br /></div><div align="justify">ในขณะที่สร้างพระเกศแก้วจุฬามณี ปีที่จะเสร็จหลวงพ่อพลอยเริ่มป่วย<span id="fullpost"><br />เป็นโรคมะเร็งที่ต่อมทอลซิน แต่หลวงพ่อได้ใช้ธรรมะบำบัดมาโดยตลอด ชาวบ้านและญาติโยม ได้ให้หมอพื้นบ้านใช้สมุนไพรรักษาอาการก็ดีขึ้นบ้าง จากที่เคยเดินขึ้นเขาไม่ได้ก็เดินขึ้นเขาได้เพื่อตรวจสอบการก่อสร้าง จวบจนสร้างมณฑปเสร็จอาการหลวงพ่อพลอยก็เริ่มหนักขึ้น แม่ชีได้พาหลวงพ่อเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อมารักษาที่โรงพยาบาลศิริราชแล้วกลับมาพักที่วัดเป็นเช่นนี้ตลอด จนกระทั้งร่างการสู้กับโรคไม่ไหว ท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชอีกครั้ง และครั้งนี้เองหลวงพ่อก็ได้อยู่พักที่วัดสังฆทาน และได้มรณภาพที่วัดสังฆทาน และก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพนั้นหลวงพ่อท่านได้ฝากวัดเขาภูคาให้กับหลวงพ่อสนอง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก พ่อแม่ครูบาอาจารย์เดียวกัน<br /><br />และจากนั้นเป็นต้นมาหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ เจ้าอาวาสวัดสังฆทาน ต.บางไผ่ จ.นนทบุรี ได้ส่งพระจากวัดสังฆทานมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาภูคานี้ มาตลอดจนปัจจุบันมีพระอธิการสุชาติ อุชุโก ดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน<br /></div></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-61759124314691279692008-10-08T18:35:00.000+07:002008-10-11T16:25:47.396+07:00มณฑปครอบรอยพระพุทธบาท<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikDNLGDM3Yqf35oNSG3tWIyEydjUU3dclk7d7DBCHGbYwzp7quFF34j56HAeFp5jf-l-whuzzXJAxu8GMEyum_dHpZkdqyTS8d7FGJNxxzrxbz_ZRnCzrYxnRW8zeJnX9OyRKoov0khAY/s1600-h/%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%9B.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255459285198400418" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 207px; CURSOR: hand; HEIGHT: 191px" height="240" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikDNLGDM3Yqf35oNSG3tWIyEydjUU3dclk7d7DBCHGbYwzp7quFF34j56HAeFp5jf-l-whuzzXJAxu8GMEyum_dHpZkdqyTS8d7FGJNxxzrxbz_ZRnCzrYxnRW8zeJnX9OyRKoov0khAY/s400/%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%9B.jpg" width="246" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhe4ghy-rkbq0ep6YbnhyUNzyrEVrHr2ABrt6sjEvbaIeF4Wz3TpwFvHspywt_sMMxo0LCtHgxkSUCKOf3G2I77CfKw2j0WX06K4dtuE8AS5C1NHHzYLlnUrzeztIuNFFxAGSZhKB2JL0M/s1600-h/S3010840.jpg"></a><br /><br /><div>เมื่อพระเกศแก้วจุฬามณีสร้างเสร็จสิ้นแล้ว หลวงพ่อพลอยจึงได้สร้างบันไดขึ้นเขา และสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท โดยได้รับปัจจัยจากคุณสุวรรณ อังคเกตุและญาติโยมชาวตาคลี หัวหวาย เขาภูคา และหมู่บ้านใกล้เคียง <span id="fullpost"><br /><br /></span></div></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-69397485372485066912008-10-08T18:04:00.000+07:002008-10-11T16:26:12.035+07:00รอยพระพุทธบาท<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLX86Q0ULbgHy7F_AtD1mjXvSMMk_KP0TiO4u3h858-Ncz_Xe4zWbBTzYLNaWloKrnNFHvgxjmZEtNlVYVaLrAqQQp_05XYTMHcpkYauFExRMQJ-s0x64BiH4fE2BHUjhVlg9A37ekT3o/s1600-h/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%96%E0%B8%B0.bmp"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255064752295350594" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 207px; CURSOR: hand; HEIGHT: 204px" height="286" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLX86Q0ULbgHy7F_AtD1mjXvSMMk_KP0TiO4u3h858-Ncz_Xe4zWbBTzYLNaWloKrnNFHvgxjmZEtNlVYVaLrAqQQp_05XYTMHcpkYauFExRMQJ-s0x64BiH4fE2BHUjhVlg9A37ekT3o/s400/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%96%E0%B8%B0.bmp" width="175" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjzcJbgHpFK-7lCS3L_V-SOFFGQIZc6QAqqpvSqA-ihLzo2eGChL2k8QRuby5qmQ-GOWiuBdBza6Pe51dYN9GhZlc9EHTRSVpmjp9LKnMWqCga5hIqqB7LkmMJVDX69zPMNSxuWJQQh5jI/s1600-h/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97.jpg"></a><br /><br /><div align="justify">ขณะที่สร้างพระเกศแก้วจุฬามณีนั้นเป็นเวลาหลายครั้งหลายคืน ชาวบ้านที่มาช่วยกันขนปูนทรายก็ได้เห็นว่ามีแสงรัศมีสีเขียวนวลพุ่งขึ้นมาจากด้านหลังของพระเกศแก้วหรือทางทิศเหนือ<br /><span id="fullpost"><br />วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อพลอย เตชพโล สร้างพระเกศแก้ว ได้มีพระเพื่อนของหลวงพ่อพลอย ได้เดินทางปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาบนยอดเขาภูคา ท่านเดินไปเห็นมีอ่างน้ำขนาดเล็กๆซึ่งมีดอกบัวสีม่วงขึ้นอยู่ในอ่าง จึงได้ปักกลดอยู่บริเวณนั้น จึงนิมิตเห็นภาพคล้ายรอยพระพุทธบาท จึงมาขอแรงชาวบ้านมาขุดและล้างทำความสะอาดโกยดินออกหมดเห็นรอยเท้ามี 5 นิ้วจึงแน่ในว่าต้องเป็น "รอยพระพุทธบาท" ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยลักษะนั้นทรงเหยียบที่ใดแม้โรยฝุ่นขาวก็จะไม่ปรากฏรอยให้เห็น แต่ถ้าประสงค์จะให้ปรากฏรอยแม้หินผาหรือแผ่นเหล็กก็จะอธิษฐานให้ปรากฏได้ ใหญ่เล็กตามปราถนา ด้วยเหตุนี้หลังจากนั้นหลวงพ่อพลอยได้ถ่ายภาพรอยพระพุทธบาทที่พบไปให้กรมศิลปากรพิสูจน์ว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่แท้จริงหรือไม่ ปรากฏว่า เป็นรอยพระพุทธบาทถูกต้องตามพุทธลักษณะ จึงขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกแผ่นดินว่าเป็น "รอยพระพุทธบาทหินเป็นตามธรรมชาติ"<br /></span></div></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-29507894431168901012008-10-08T18:02:00.000+07:002008-10-11T16:26:38.790+07:00พระพักตร์ที่งดงามได้มาอย่างไร<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU-Gptf9eu4dMY6JAYYubcdqhfgk5WK-m2M_dB7gRyRfC7WmBV15RuR5TXV9WjFyAyd12dvDgcIXB-Uq9dMU4ubwhR_e4px8RsN27s_8qbNLgDuqDNEnok97u9w6ByLideIGwOiRR0wT4/s1600-h/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7.bmp"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255445973766445618" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 208px; CURSOR: hand; HEIGHT: 248px" height="320" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU-Gptf9eu4dMY6JAYYubcdqhfgk5WK-m2M_dB7gRyRfC7WmBV15RuR5TXV9WjFyAyd12dvDgcIXB-Uq9dMU4ubwhR_e4px8RsN27s_8qbNLgDuqDNEnok97u9w6ByLideIGwOiRR0wT4/s400/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7.bmp" width="205" border="0" /></a><br /><div align="justify">กล่าวถึงพระเนตร(ตา) และปาก ก่อนที่จะติดตั้งตาได้นั้น ได้ทำแบบโดยใช้ดินน้ำมันปั้นเป็นมาและฝังด้วยนิลดำ นำไปให้หลวงปู่สงฆ์พิจารณา หลวงปู่ได้ใช้มือลูบที่ดวงตานั้นแล้ว<br /><span id="fullpost"><br />และแนะนำว่าให้ไปแต่งหางตาใหม่ให้เรียวงามกว่านี้ และให้เปลี่ยนจากนิลดำมาเป็นหอยมุกมาเป็นเกร็ดตาขาวแทน ส่วนปากนั้นได้ตกแต่งหลายครั้งด้วยฝีมือหลวงพ่อพลอย ผู้ปั้นได้ระบายสีและตกแต่งเอง หลังจากตกแต่งแล้วก็ใช้สปอร์ไรย์ส่องสว่างไปยังใบหน้าของพระเกศแก้วจุฬามณีเพื่อให้ประชาชนได้ติชม เมื่อมีคำติมาก็ทำการแก้ไขตกแต่งใหม่ ตามความประสงค์จนเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย จนได้พระเกศแก้วที่มีพระพักตร์อิ่มเอิบและงดงาม<br />ปริศนาธรรมขององค์พระเกศแก้วจุฬามณี ตามที่หลวงปู่สงฆ์ได้นิมิตให้สร้างครึ่งองค์ลักษณะผุดจากภูเขา<br />พระผู้ที่จะบรรลุธรรมนั้นจะมีนิมิตเห็นพระพุทธรูปผุดขึ้นในดอกบัวบานครึ่งองค์ ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน" พระที่ผุดขึ้นเห็นในนิมิตนั้น ก็คือผู้ที่จะบรรลุธรรมนั้นเอง<br /></div></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-71590277348028645042008-10-08T17:05:00.000+07:002008-10-11T16:34:09.245+07:00หลวงปู่สังวาลย์ เขมโกช่วยสร้างพระเกศแก้วจุฬามณี<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPDM6Mo5fWMEpIRKI4-Ohot7cVUcRhr_-eeS07BaqRzOBWn6zstVv9tjkI-nM8lA_PANEjPTFeOQ6leyWfqr35cmM3Iw3NQTa_b7M2tEdYGTtTWl9dpfLSnYfTwFYToS0sn1Qx7WU2VCg/s1600-h/oeparagraphparagraphparagraph_106.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255057277455899778" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 208px; CURSOR: hand; HEIGHT: 189px" height="174" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPDM6Mo5fWMEpIRKI4-Ohot7cVUcRhr_-eeS07BaqRzOBWn6zstVv9tjkI-nM8lA_PANEjPTFeOQ6leyWfqr35cmM3Iw3NQTa_b7M2tEdYGTtTWl9dpfLSnYfTwFYToS0sn1Qx7WU2VCg/s400/oeparagraphparagraphparagraph_106.jpg" width="134" border="0" /></a> <div align="justify">หลวงปู่สังวาลย์ เขมโกและคณะสงฆ์ จากวัดเขาสารพัดดี อ.หันคา จ. ชัยนาทได้มาช่วยสร้างพระเกศแก้วจุฬามณี<br /><span id="fullpost"><br />โดยชักชวนญาติโยมที่จิตศรัทธา มาร่วมกันบริจาคปัจจัยสร้างพระเกศแก้วจุฬามณี จนกระทั้งสำเร็จเป็นองค์พระเกศแก้วจุฬามณีที่งดงาม สมความประสงค์ของหลวงปู่สงฆ์ทุกประการ ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 3 ปี 8 เดือน สำเร็จในปี 2515<br /></div></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-2286498663730495172008-10-08T17:00:00.000+07:002008-10-11T16:35:14.101+07:00บารมีหลวงปู่<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg0vHm0eFoGDR2QvdRKBGVEYEqNwV92rwr5v0E2XRxkMLhtOkLdMHzXmbzoNHLTYHvd19d4lmJq1I34h4U2-Znj9ZCLNKqC4D2MW1JlIhtaACNos4o_HufTdnkQTKH1dkL8cUppzOZSlWA/s1600-h/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B2+%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A3.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5254732446160688066" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 207px; CURSOR: hand; HEIGHT: 180px" height="400" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg0vHm0eFoGDR2QvdRKBGVEYEqNwV92rwr5v0E2XRxkMLhtOkLdMHzXmbzoNHLTYHvd19d4lmJq1I34h4U2-Znj9ZCLNKqC4D2MW1JlIhtaACNos4o_HufTdnkQTKH1dkL8cUppzOZSlWA/s400/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B2+%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A3.jpg" width="179" border="0" /></a><br /><div>หลวงปุ่บุดดา ถาวโร เดินทางมาโปรดญาติโยมที่ถ้ำภูคา ในระหว่างการก่อสร้างนั้นชาวบ้านก็มีกำลังใจมากขึ้น สิ่งอัศจรรย์คือ ทุกๆคืนคนจะหลั่งไหลมาช่วยกันขนทราย อุปกรณ์ต่างๆไม่ต่ำกว่า 200 คน<br /><span id="fullpost"><br />หลวงปู่กลับมาที่ถ้ำภูคาในครั้งนี้ได้สร้างความประทับใจหลายอย่างติดตาตรึงใจให้กับลูกหลานถึงทุกวันนี้คือ หลวงปู่จะอยู่กับลูกหลานทุกสถานที่ที่ลูกหลานทำงาน ทั้งๆที่พวกเราเป็นห่วงหลวงปู่ อยากที่จะให้หลวงปู่ได้พักผ่อน แต่หลวงปู่ก็มีเมตตาคอยให้กำลังใจลูกๆหลานๆอยู่ตลอดเวลาของการก่อสร้าง เวลาที่หลวงปู่นั่งพักผ่อน หลวงปู่ก็มิได้นั่งเฉยๆ หลวงปู่จะถักถลกบาตร ถักหมวก ทำที่รองบาตร และเย็บย่าม ในแววตาของหลวงปู่นั้นบริสุทธิ์ใสเต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาอันเหลือล้นจริงๆ </span></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-35639077100523806622008-10-08T16:56:00.000+07:002008-10-09T12:30:34.317+07:00เกร็ดย่อย เกร็ดยาก ในการสร้างพระเกศแก้วเมื่อขนอุปกรณ์ในการก่อสร้างมาถึงวัดแล้ว ทหารและชาวบ้านจะต้องขนอุปกรณ์ ปูน ทราย เหล็กเส้น ขึ้นไปบนยอดเขาภูคาซึ่งสูงมาก นี้คืออุปสรรคอีกอย่างหนึ่งที่พบคือไม่มีทางขึ้นเขา<br /><span id="fullpost"><br />มีแต่ทางที่ชาวบ้านใช้กันเดินเพื่อหาหน่อไม้ เท่านั้น....ทำให้คณะผู้ก่อสร้างนั้นมืดแปดด้านไม่รู้ว่าจะทำยังไง พระครูพลอยหรือหลวงพ่อพลอยที่ชาวบ้านเรียกกันมาประชุมหารือกันว่าจะทำยังไงที่ว่าจะขนอุปกรณ์ต่างๆขึ้นไปบนยอดภูเขาได้ สุดท้ายหลวงพ่อพลอยนึกได้ว่าภายในถ้ำนั้นมีปล่องที่พอจะใช้รอกขนอุปกรณ์ผ่านทางปล่องถ้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างสถานที่ที่หลวงปู่สงฆ์และหวงปู่บุดดาสำเร็จธรรม ขึ้นไปบนเขาได้ การขนอุปกรณ์ก่อสร้างนั้นต้องใช้กำลังคน กำลังกาย กำลังใจและที่กำลังศรัทธาเป็นจำนวนมาก เพื่อมาร่วมกันสร้างบารมี การขนอุปกรณ์นั้นได้กำลังคนส่วนมากมาจากทหาร ชาวบ้านใกล้เคียง ได้แก่ หนองสระ เขาตอง แหลมช้างร้อง หนองพังพวย ดงมะกุ กฐินงาม โรงนา หัวหวาย และเขาภูคา การก่อสร้างใช้เวลาตอนกลางคืนหลังจากที่ชาวบ้านเสร็จงานจากไร่ นาแล้ว คระกรรมวัดต้องจุดเทียนเจ้าพายุ เดินไปรับชาวบ้าน แต่ละหมู่บ้าน หลังจากเสร็จงานก็ต้องเดินกลับไปส่ง ตามเส้นทางที่เป็นทุ่งนา เดินตามคันนา ลัดป่าบ้าง การก่อสร้างดำเนินการไปนานประมาณ 2 ปี ผ่านไปกำลังใจของชาวบ้านก็เริ่มอ่อนล้าลง<br /></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-58450864426932289312008-10-08T16:48:00.000+07:002008-10-10T16:15:42.030+07:00สร้างพระพุทธเกศแก้วจุฬามณี<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWWXmQlYyya-nr85ksDQc2TJ-zlDtJSjfq8L0Cu-Gbup5KRuTMJuhyDOH-LlGYhjYjuNHqp_HEZWIykAsvRbjSnwD3wr0JLubWpq2zr9tpv_LB1iHfaDTWMQZ4UlJen66IcZWl1XIsXdA/s1600-h/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%84%E0%B8%B2.bmp"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255450048538695986" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 189px; CURSOR: hand; HEIGHT: 148px" height="217" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWWXmQlYyya-nr85ksDQc2TJ-zlDtJSjfq8L0Cu-Gbup5KRuTMJuhyDOH-LlGYhjYjuNHqp_HEZWIykAsvRbjSnwD3wr0JLubWpq2zr9tpv_LB1iHfaDTWMQZ4UlJen66IcZWl1XIsXdA/s400/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%84%E0%B8%B2.bmp" width="268" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHkwNiM0vCKaEeCgG11qdZJKrQ1MaRLrHus_9mbn5tgsgcKP_GxSSW_nlsZr4-2TS1aeizYw80WPHB_Wlkfajj88Im2BLlqVPolP4bTOuuvz9LkDTxSRZbs8vdI_BCL4xTKVe07af8mT0/s1600-h/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5.bmp"></a><br /><br /><div align="justify">ปีพ.ศ. 2512 หลวงปู่สงฆ์ได้มีการประชุมสงฆ์ซึ่งเป็นสายพระปฏิบัติ โดยมีหลวงปู่บุดดา หลวงปู่เกลื่อน หลวงปู่สังวาลย์ โดยหลวงปูสงฆ์ดำริจะสร้างพระพุทธรูปเกศแก้วจุฬามณีในขณะนั้นตาของหลวงปู่ไม่สามารถมองเห็นได้ ที่หลวงปู่นิมิตเห็นว่าพระพุทธรูปเกศแก้วจุฬามณีซึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ให้มาประดิษฐานที่เขาภูคา<br /><span id="fullpost"><br />เพื่อที่จะตอบแทนพระคุณให้กับสถานที่ ที่ได้บรรลุธรรม หลังจากที่การประชุมสงฆ์กันแล้ว หลวงปู่สงฆ์จึงได้มอบหมายให้หลวงปู่บุดดา และหลวงปู่สังวาลหาพระที่มีบารมี มีความสามารถที่จะสร้างพระให้สำเร็จได้ไปดำเนินการสร้าง เมื่อพิจารณาแล้วหลวงปู่สังวาลย์จึงได้เลือกพระครูพลอย ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่สังวาลย์ หลวงปู่ได้ส่งพระครูพลอย แม่ชีผวน พระเงิน(ลาสิกขาแล้ว) มาสำรวจพื้นที่ที่ถ้ำเขาภูคา หลังจากสำรวจบนยอดเขาที่จะสร้างพระเกศแก้วจุฬามณีแล้ว บนยอดเขาสูงและยังอยู่ใกล้สนามบินกองบิน 4 ตาคลี จึงต้องดำเนินการขออนุญาตทางราชการทหาร ฝ่ายปกครองทางอำเภอในการก่อสร้าง การขออนุญาตแต่ละครั้งนั้นผู้ที่ติดต่อประสานงานและเป็นธุระนั้นเป็นหน้าที่ของ ผู้ใหญ่สมศักดิ์ บุตรปรารมภ์ การดำเนินการครั้งที่ 1 ไม่มีใครมีอำนาจจะอนุญาตให้สร้างพระพุทธรูปได้เลย ความตั้งใจเหมือนว่าจะสูญสลาย แต่ผู้ใหญ่ก็มิได้ละความพยายาม ที่จะสร้างพระเกศแก้วจุฬามณี จึงกลับมาปรึกษาหารือกับท่านพระครูพลอยอีกครั้งหนึ่ง และดำเนินการวาดโครงสร้างโดยให้พระครูพลอยเป็นผู้วาดภาพ เมื่อวาดเสร็จก็ได้นำกลับไปให้หลวงปู่สงฆ์ได้พิจารณาดู(ด้วยตาใน) ภาพวาดในครั้งแรก ที่พระครูวาดไปนั้นหลวงปู่ดูแล้วว่าจะไม่ตรงกับภาพนิมิตที่หลวงปู่ได้เห็น จึงต้องนำกลับมาแก้ไขใหม่เป็นอย่างนี้ถึงสามครั้งจึงได้ภาพพระเกศแก้วจุฬามณีตามความประสงค์ของหลวงปู่สงฆ์<br />ส่วนในการสร้างพระพุทธรูปนั้นจะต้องหันพระพักตร์ไปด้านทิศตะวันออกเสมอ แต่หลวงปู่สงฆ์ได้พิจารณาทั้งสถานที่ที่อยู่บนยอดเขาภูคาอย่างชัดเจนแล้วว่า สมควรที่จะให้หันพระพักตร์ไปทางทิศใต้เพื่อที่จะให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาได้ทุกสารทิศ แม้นว่าความสูงจะกีดขวางทางการบิน ก็ยังให้ทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินนั้นได้กราบไหว้ หลวงปู่สงฆ์ได้มอบหมายให้พระครูพลอย พระเงิน แม่ชีผวน ผู้ใหญ่สมศักดิ์ โดยมีคำบัญชาเหมือนกับการให้พรให้กำลังใจ กับคณะผู้สร้างว่า "โยม ต้องเป็นเหล็กกล้า เป็นหินชา ไม่หวั่นไหวกับปัญหาหรืออุปสรรคใดๆทั้งสิ้น) หลังจากที่หลวงปู่ให้พรแล้วแล้ว ผู้ใหญ่สมศักดิ์กราบเรียนถามหลวงปู่ว่า "ถ้าสร้างพระเกศแก้วมณีแล้ว เมื่อไหร่จะสำเร็จครับ" หลวงปู่ตอบว่า "7 วัน 7 เดือน 7 ปี ก็ต้องแล้วเสร็จ"<br />เมื่อได้รับคำบัญชาหรือคำให้พรจากหลวงปู่แล้ว คณะได้กลับมาดำเนินการปรับพื้นที่บนยอกดเขาภูคาโดยไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ แม้ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ก่อสร้างพระเกศแก้วจุฬามณีเลย เมื่อปรับพื้นที่บนยอดเขาแล้วคณะก็ได้กลับไปกลับเรียนรายงานกับหลวงปู่ ครั้งนี้ได้รับปัจจัยบริจาคเป็นครั้งแรกเพื่อทำการก่อสร้างพระเกศแก้วจุฬามณี เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท จากอุบสิกา หม่อมหลวงเพ็ญศรี (ไม่ทราบนามสกุล) โดยโอนเข้าบัญชีธนาคารออมสิน สาขาตาคลี เมื่อได้ปัจจัยในการบริจาคจากหม่อมหลวงเพ็ญศรี ทางวัดจึงได้นำไปซื้อเหล็กเส้นที่ร้านกิจไพศาลในตลาด อำเภอตาคลี แต่ไม่มีถนนที่จะขนวัสดุอุปกรณ์มายังวัดเขาภูคาได้เลย (เพราะนั้นสมันนั้น มีแต่ทางเกวียน ถ้าวัดระยะทางจากตลาดตาคลี มายังวัดเขาภูคาก็ประมาณ 22 กิโลเมตร) ทางคณะผู้ดำเนินการก่อสร้างจึงได้ประชุมกันกับชาวบ้านเพื่อรวบรวมเกวียน วัว ควาย ม้า และคน เพื่อที่จะไปช่วยกันขนวัสดุอุปกรณ์จากตลาดตาคลีมาวัดเขาภูคา<br />จากการที่คณะผู้ก่อสร้างได้เจอปัญหาใหญ่หลวงนัก จึงได้เดินทางกลับมาที่วัดอาวุธดุสิตดาราราม ที่กรุงเทพมหานครที่หลวงปู่อยู่เพื่อถวายรายงานอีกครั้งหนึ่ง หลวงปู่บัญชาว่า "โยมกลับไปครั้งนี้ทางก็จะมาแล้ว ไม่ต้องให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อนหรอก" หลังจากคำบัญชาของหลวงปู่เพียง 2 วัน ความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ทางกองบิน 4 ได้นำรถเกรดเตอร์ทำถนนเข้าวัดเขาภูคาเพื่อที่จะส่งทหารลาดตะเวนมาประจำการที่เขาภูคา (ยุคนั้นเป็นคอมมิวนิสต์แทรกซึม) เพื่อดูแลความสงบของชาวบ้าน<br />ปัจจัย 20,000 บาท ที่ทางวัดได้รับจากอุบาสิกาหม่อมเพ็ญศรีนั้นถือว่าเป็นมหากุศลอีกทั้งยังได้รับความศรัทธาจากทางหน่วยงานราชการมาร่วมใจกันสร้างพระเกศแก้วจุฬามณี โดยที่พระครูพลอยนั้นได้ทำหนังสือขอความร่วมมือส่งไปยังผู้การกองบิน 4 เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการขอกำลังพล ยานพาหนะ อุปกรณ์เครื่องปั่นไฟฯลฯ เพื่อก่อสร้างพระเกศแก้วจุฬามณี ทุกอย่างนี้ได้รับความอนุเคราะห์เป็นอย่างดีจากทางกองบิน 4 ตลอดจนแล้วเสร็จ<br /></div></span></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-28192307000580394732008-10-08T16:37:00.000+07:002008-10-11T16:36:03.457+07:00ขอเชิญร่วมทอดกฐินประจำปี 2551 ณ วัดเขาภูคาจุฬามณี<div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhO_agP1iClXkYjAvtWA15AM1n4eb9gGSZVn98dW6DtYUEFhbWFHn0W7GEuC0mD6yyJRjWi9kmiv3sWBtd7Rd0VBHK3k57F3Yo5TJ38gL_Dbib82noCUR5pW2DgjQueLGwHBgGjSVWGRT8/s1600-h/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%A3.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5254715295726390434" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 205px; CURSOR: hand; HEIGHT: 148px" height="76" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhO_agP1iClXkYjAvtWA15AM1n4eb9gGSZVn98dW6DtYUEFhbWFHn0W7GEuC0mD6yyJRjWi9kmiv3sWBtd7Rd0VBHK3k57F3Yo5TJ38gL_Dbib82noCUR5pW2DgjQueLGwHBgGjSVWGRT8/s400/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%A3.jpg" width="192" border="0" /></a><br /></div><div align="justify"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhlVQ-2hLWQAdNIhCZXWILF2iQJxRPGpv-bPbbycjucFf12J-HtdLFd4ujN_icZruwhPRyZYCz-2DYd35bz6mwXenHMH6GgLLEvmCNs2xubsBaHpSKBN4aSW08GN54Wpy35BWJvRdQyXE/s1600-h/Rotation+of+P7200181.jpg"></a>ขอเชิญร่วมทอดกฐินสามัคคีประจำปี ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551<br /><span id="fullpost">ณ วัดถ้ำเขาภูคาจุฬามณี ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ติดต่อสอบถาม พระอธิการสุชาติ อุชุโก โทร. 087-5711290<br /></div></span>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-273882025908561588.post-11408861011947517602008-10-08T16:21:00.000+07:002008-10-11T16:54:21.874+07:00ภูเขาอันเป็นโภคสมบัติของแผ่นดิน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiN7-eRUca5yQXeMblbuxh3wWGZEQn0XGHwwF0-dmOkdWe_ONW-IZM68rfjVD9zgQ7zev7t7q9bybMUDr7QO0UUFQSEzGC5AYrfBNQP5KqUg4Tuf9r3puVueKWIDrKz8es4Nd9nyltNa7c/s1600-h/%E0%B8%AB%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87+%E0%B8%A3.6.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5255832062260581682" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 210px; CURSOR: hand; HEIGHT: 190px" height="278" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiN7-eRUca5yQXeMblbuxh3wWGZEQn0XGHwwF0-dmOkdWe_ONW-IZM68rfjVD9zgQ7zev7t7q9bybMUDr7QO0UUFQSEzGC5AYrfBNQP5KqUg4Tuf9r3puVueKWIDrKz8es4Nd9nyltNa7c/s400/%E0%B8%AB%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87+%E0%B8%A3.6.jpg" width="210" border="0" /></a> <div><div><div align="justify">ตามตำนานท้องถิ่นกล่าวไว้ว่า เขาโภคาหรือบางท่านเรียกเขาภูคา เป็นเขาลูกเดียวที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเขาลูกอื่นๆ เดิมบริเวณนี้เป็นป่าต่อมาในสมัยของพระบาทสมเด็จมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6ได้ทรงโปรด<span id="fullpost"><br />ให้สร้างทางรถไฟสายเหนือ กรุงเทพ -นครสวรรค์ ซึ่งทางรถไฟที่สร้างนี้ อยู่ห่างจากภูเขาลูกนี้ประมาณ 800 เมตร นายช่างที่คุมการก่อสร้างได้เห็นว่ามีภูเขาหินอยู่ใกล้เช่นนี้จึงคิดจะเอาหินที่เขาลูกนี้มาใช้ ในการก่อสร้างทางรถไฟ จึงได้สร้างทางรถไฟน้อยแยกออกมาถึงเขาลูกนี้เพื่อเตรีมจะขนหินที่ระเบิดได้ไปใช้ แต่เมื่อช่างทำการเจาะหินระเบิดก็ได้ยินแต่เสียงระเบิดดังกึกก้องหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีหินแตกออกมาสักก้อน นายช่างพยายามที่จะระเบิดสักเท่าไรก็ทำไม่สำเร็จ จึงได้กลับไปเอาหินที่เขาช่องแคตามเดิม<br />ความนี้ได้ทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงเห็นว่าเป็นเรื่องแปลก จึงสั่งให้ยุติการทำลายภูเขาลูกนี้พร้อมทั้งพระราชนามว่า "เขาโภคา" ซึ่งมีความหมายว่า "ภูเขาอันเป็นโภคสมบัติของแผ่นดิน" ที่สุดนายช่างที่ทำการก่อสร้าง ก็พาลูกน้องกลับไปเจาะระเบิดเอาหินจากเขาช่องแคมาใช้<br /><br /></div></span></div></div>watkaophuka@gmail.comhttp://www.blogger.com/profile/01796221538018458700noreply@blogger.com0